De'Love Diamond - The King of Precious Diamond For product detail, please call 081-5448250 http://www.delovediamond.com/
เพชร
แหวนเพชร
แต่งงาน
แหวนแต่งงาน Heart & Arrow
GIA 3EX Heart and Arrow
ทองคำขาว
รายละเอียด
เดอ'เลิฟ ไดมอนด์ จำหน่ายเครื่องประดับเพชรน้ำงามในราคาเบาๆ พร้อมกับสินค้าโปรโมชั่น ดีไซน์ทันสมัย ประดับเพชรน้ำงาม ขาวใสบริสุทธิ์ผลิตด้วยความปราณีตทุกชิ้นงานอย่างพิถีพิถัน พร้อมให้ทุกคนเป็นเจ้าของ คัดสรรจากเพชรแท้น้ำงามมีใบรับรองจากสถาบันอัญมณีGIAตัวเรือนทอง(Gold),ทองคำขาว(WhiteGold)และแพลตตินั่ม(Platinum)
แต่งงาน ฤกษ์แต่งงาน ชุดแต่งงาน เพลงแต่งงาน รวมเรื่อง พิธีแต่งงาน ทั้ง ฤกษ์แต่งงาน ชุดแต่งงาน เพลงแต่งงาน แหวนแต่งงาน การ์ดแต่งงาน ทรงผมแต่งงาน แหวนเพชร
De'Love Diamond ยินดีบริการให้คำแนะนำและออกแบบ แหวนแต่งงาน พร้อมใบการันตีคุณภาพจากสถาบันระดับโลก GIA, HRD
ข้อมูลทั่วไป
ปัจจุบัน De'Love Diamond มีสาขาทั้งหมด 4 สาขา ประกอบด้วย
สาขากรุงเทพมหานคร
1) ห้างสรรพสินค้าเอมโพเรียม ชั้น 2 โซน Jewelry ด้านหน้าบันไดเลื่อน (BTS พร้อมพงษ์)
2) ห้างสรรพสินค้าเมเจอร์เอกมัย ชั้น 1 อยู่ตรงข้ามร้าน Swensen (BTS เอกมัย)
3) ห้างสรรพสินค้าเมเจอร์รัชโยธิน ชั้น 2 อยู่ทางด้านขวาของ Box office ตรงข้ามร้านแมงป่อง
สาขาขอนแก่น
4) 123/13-14 ถ.หน้าเมือง ตรงข้ามโรงแรมเจริญธานี
รางวัล - Certificate of Graduate Gemologist (GG.) by Gemological Institute of
America (GIA)
- Graduate Diamonds Diploma Program by Gemological Institute of
America (GIA)
- Graduate Colored Stones by Gemological Institute of America (GIA)
- ประกาศนียบัตรผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเครื่องประดับระดับสูง โดย
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT)
ชั่วโมง
จันทร์ - อา. : 12:00 - 21:00
ที่จอดรถ
ถนน
ลานจอดรถ
ที่รับฝากรถ
สินค้า Diamond Jewelry
Diamond with GIA Certificate
การประเมิณคุณภาพเพชรด้วย 4Cs
ก่อนการเลือกซื้อเพชรนั้น สิ่งที่สำคัญมากๆในการเลือกซื้อที่ควรจะต้องรู้คือการประเมิณคุณภาพของเพชร เพื่อให้ทราบว่าเพชรที่เราต้องการจะซื้อนั้นมีมีราคาเหมาะสมกับคุณภาพหรือไม่ ซึ่งวิธีการประเมิณคุณภาพเพชรในปัจจุบันและใช้เป็นตัวแปรในการประเมิณราคากลางเพชรตามตลาดโลก คือวิธีที่เรียกว่า 4Cs ซึ่งเป็นการประเมิณคุณภาพเพชรตาม Carat Weight (น้ำหนัก), Cut (การเจียรนัย), Clarity (ความสะอาด) และ Color (สี) และนอกเหนือจาก 4Cs แล้วสิ่งที่มีผลกับราคาและคุณภาพของเพชรคือ Fluorescence (การเรืองแสงของเพชร) ซึ่งมีรายละเอียดต่างๆดังนี้
1 Carat Weight (น้ำหนัก)
ตัวแปรสำคัญที่มีผลกับราคาของเพชรคือน้ำหนักนั้นเอง น้ำหนักของเพชรนั้นมีหน่วยเป็น กะรัต (Carat) ซึ่งมีค่าเท่ากับ 200 มิลลิกรัมหรือ 0.2 กรัม และในหนึ่งกะรัตแบ่งออกเป็น 100 สตางค์ (Point) น่ะนก็คือ 1 สตางค์เท่ากับ 2 มิลลิกรัม
ในความเป็นจริงเพชรที่มีขนาดใหญ่ ก็จะยิ่งหายาก ทำให้ราคาของเพชรนั่นไม่ได้เพิ่มขึ้นตามน้ำหนักเป็นกราฟเส้นตรง แต่ราคาเพชรจะก้าวกระโดดเป็นช่วงๆ ตัวอย่างเช่น
ราคาเพชร น้ำหนัก 0.99 กะรัต อาจจะแพงกว่าเพชรน้ำหนัก 0.98 กะรัต ประมาณ 2,000 บาท
แต่ราคาเพชร น้ำหนัก 1.00 กะรัต แพงกว่าเพชรน้ำหนัก 0.99 กะรัต ถึง 84,000 บาท
ดังนั้นการเลือกซื้อเพชรควรตรวจสอบในใบรับรองจากสถาบันอัญมณีว่าน้ำหนักเป็นเท่าไหร่กันแน่
ช่วงราคาก้าวกระโดดของเพชรจะเริ่มจาก 0.01-0.03 กะรัต พอน้ำหนักเพิ่มเป็น 0.04-.0.07 กะรัต ราคาก็จะกระโดดขึ้น ต่อไปก็ 0.08-0.14 กะรัต -> 0.15-0.17 กะรัต -> 0.18-0.22 กะรัต -> 0.23-0.29 กะรัต -> 0.30-0.39 กะรัต -> 0.40-0.49 กะรัต -> 0.50-0.69 กะรัต -> 0.70-0.89 กะรัต -> 0.90-0.99 กะรัต -> 1.00-1.49 กะรัต -> 1.50-1.99 กะรัต -> 2.00-2.99 กะรัต -> 3.00-3.99 กะรัต -> 4.00-4.99 กะรัต -> 5.00-5.99 กะรัต ->10.00-10.99 กะรัต -> มากกว่านี้คงต้องเข้าตลาดประมูลแล้วครับ
ดังนั้นเราควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเราซื้อเพชรในช่วงน้ำหนักไหนด้วยนะครับ
2 Cut (การเจียรนัย)
การเจียรนัยเพชรกลมเหลี่ยมเกสร (Round Brilliant Cut) เป็นการเจียรนัยที่นิยมในปัจจุบัน ซึ่งได้มีการพัฒนาต่อเนื่องกันมาหลายยุคสมัย โดยประเทศที่เป็นแหล่งเจียรนัยที่ได้ยินหลักๆ คือ อินเดีย เบลเยียม ซึ่งการเจียรนัยเพชรที่อินเดียส่วนใหญ่จะเป็นการเจียรนัยเพื่อให้ได้เนื้อเพชรมากๆ ทำให้บางเม็ดรูปทรงของเพชรไม่ได้มาตรฐาน แต่การเจียรนัยเพชรที่เบลเยียมจะเน้นไปทางรูปทรงของเพชรให้มีความสมมาตรและได้มาตรฐานทำให้เพชรดูสวยงามเป็นประกาย
การประเมิณคุณภาพเพชรจากการเจียรนัย
ความสมมาตรของเพชร (Symmetry) หมายถึง รูปร่างของเพชรจะต้องมีสัดส่วนที่สมมาตรกัน รูปร่างไม่เบี้ยวก้นเพชรไม่ยาวหรือสั้นเกินไป หน้าเพชรไม่กว้างหรือแคบเกินไป
คุณภาพการเจียรนัย (Cut Grade) หมายถึงคุณภาพการเจียรนัยทั้งหมดตั้งแต่การจัดวางหน้าเหลี่ยมต่างๆ ของเพชร รูปทรงของเหลี่ยมเพชรที่ถูกต้อง รวมไปถึง ความสมมาตรของเพชร (Symmetry) ด้วย
คุณภาพการขัดเงาที่ผิว (Polish) หมายถึง การขัดเงาที่ผิวจะต้องเรียบสวย ไม่มีรอยขีดข่วนหรือด่างหรือรอยไหม้
ซึ่งสถาบันอัญมณีส่วนใหญ่จะมีการแบ่งคุณภาพของ Cut Grade, Symmetry และ Polish ตั้งแต่ Excellent (ดีที่สุด) -> Very good -> Good -> Fair -> Poor (แย่ที่สุด) แต่อย่าสับสนกับใบรับรองคุณภาพของ HRD รุ่นเก่า นะครับเพราะของ HRD รุ่นเก่า จะเริ่มเกรดสูงที่สุดเป็น Very good แต่รุ่นใหม่ๆก็เริ่มที่ Excellent หมดแล้ว
เราจึงได้ยินคำพูดบ่อยๆว่า 3Ex หรือ 3 Excellent นั้นหมายความว่าเพชรเม็ดนั้นมีทั้ง Cut Grade, Symmetry และ Polish เป็น Excellent
คุณภาพของการเจียรนัยเพชรจะส่งผลอย่างมากกับความแวววาว เนื่องจากเพชรที่สมมาตรจะทำให้ทางเดินทางเดินของแสงตกกระทบได้ดีที่สุด ซึ่งจะตรวจสอบได้ดังนี้
ความสว่าง (Brightness) หมายถึงเพชรมีความสว่างขาวไม่มุมที่ส่งผลให้เพชรมืด
ความแวววาวหรือความระยิบระยับ (Scintillation) หมายถึงเพชรมีความแวววาวหรือความระยิบระยับกระแทกตาเด่นเป็นประกาย
ไฟหรือแสงสีรุ้ง (Fire) หมายถึงเพชรมีการกระจายแสงสีรุ้งออกมา
แล้วการเจียรนัยเพชรมีผลกับทางเดินของแสงและความสวยงามอย่างไร ผมจะขออธิบายดังนี้ครับ
เพชรที่เจียรนัยได้ตรงตามมาตรฐานจะทำให้แสงที่เข้ามาทางหน้าเพชรนั้นจะหักเหและสะท้อนลับไปหน้าเพชรทำให้เพชรเม็ดนั้นมีความ ระยิบระยับ (Scintillation) และสว่าง (Brightness) และมีการหักเหจนทำให้เกิดประกายเป็นสีรุ้ง (Fire)
หรือถ้าเพชรที่เจียรนัยลึกเกินไป หรือหน้าเพชรแคบมากเกินไปทำให้แสงหักเหทะลุออกด้านข้างเพชรทำให้เพชรเม็ดนั้นมืดหรืความสว่าง (Brightness) ลดลง
เพชรที่เจียรนัยตื้นเกินไป หรือหน้าเพชรกว้างมากเกินไปทำให้แสงทะลุลงด้านล่างของเพชรทำให้ความแวววาวระยิบระยับ (Scintillation) เม็ดนั้นลดลง
การเกิด Heart and Arrow
ในบางครั้งการเจียรนัยเพชรที่ถูกต้องตามมาตรฐานหรือสมบูรณ์แบบจะทำให้เพชรเกิดรูปแบบที่เรียกว่า Heart and Arrow ขึ้นส่วนใหญ่จะต้องได้ 3Ex แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเพชรได้ 3Ex แล้วจะเกิด Heart and Arrow เสมอไปนะครับ
ซึ่งวิธีการมองรูปแบบของ Heart and Arrowในเพชรนั้นจะต้องใช้กล้องแบบพิเศษ ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า โดยเราจะต้องใช้กล้องนี้ส่องจากด้านบนของเพชรลงมาจะเห็นเป็นรูปหัวใจรอบๆจุดศูนย์กลาง (ซ้าย) และถ้ามองจากทางก้นของเพชรจะเห็นเป็นธนูยิงออกมาจากจุดศูนย์กลางของเพชร
ซึ่งในเพชรที่มีการเจียรนัยที่ไม่ดีจะทำให้เห็นรูปแบบของ Heart and Arrow ที่ไม่สมบูรณ์
3 Clarity (ความสะอาด)
Clarity คือความสะอาดของเพชร ซึ่งเพชรที่มีความสะอาดสูงจะต้องไม่มีตำหนิเจือปน หรือรอยแตกภายในเนื้อเพชร การที่เพชรมีตำหนิมากๆนั้นจะไปบดบังทางเดินของแสง ทำให้เพชรดูขุ่น ไม่ใส
ตำหนิทบางชนิดอาจเป็น Crystal (ก้อนใสภายในเพชร) สีขาว สีดำหรือสีอื่นๆ เด่นชัดอยู่ในเพชร หรือรอยแตกภายในเพชรนั้นอันตรายที่สุด นอกจากรอยแตกจะไปบดบังทางเดินของแสง ยังมีผลต่อความทนทานของเพชรทำให้เพชรมีโอกาศแตกสูง ซึ่งตัวแปรเหล่านี้มีผลกระทบต่อคุณภาพและราคาของเพชรโดยตรง
ดังนั้น สถาบันอัญมณีระดับโลก จึงได้มีการจัดระดับความสะอาดของเพชร โดยการตรวจสอบปริมาณ ขนาดหรือชนิดของตำหนิภายในเพชรที่สามารถมองเห็นด้วยกล้องขยายขนาด 10 เท่าในการตรวจสอบ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 10 ระดับดัง
FL (Flawless) – ไม่สามารถมองเห็นตำหนิได้เลยทั้งภายนอก (บนผิว หรือ Polish) และตำหนิภายใน เมื่อมองภายใต้กล้องกำลังขยาย 10 เท่า
IF (Internal Flawless) -ไม่สามารถมองเห็นตำหนิภายใน เมื่อมองภายใต้กล้องกำลังขยาย 10 เท่า
VVS1 (Very Very Slightly Included 1) - เพชรมีตำหนิขนาดเล็กมากๆ และส่วนใหญ่จะไม่สามารถมองเห็นจากด้านหน้าของเพชร (Face up) ได้ ส่วนมากจะมองเห็นเมื่อมองจากก้นเพชรเท่านั้น (Face down)
VVS2 (Very Very Slightly Included 2) - เพชรมีตำหนิขนาดเล็กมากๆ แต่อาจจะสามารถมองเห็นจากด้านหน้าของเพชร (Face up) ได้ และจะต้องไม่อยู่ตรงเหลี่ยมกลางภายในเพชร หรือ Table Facet
VS1 (Very Slightly Included 1) - เพชรมีตำหนิขนาดเล็กมาก และจะต้องไม่อยู่ตำแหน่งที่เห็นได้ชัดตรงเหลี่ยมกลางภายในเพชร หรือ Table Facet แต่อาจมีปริมาณมากกว่า VVS2 แต่ก็ยังไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ผู้ชำนาญการอาจต้องต้องใช้กล้องกำลังขยาย 10 เท่า
VS2 (Very Slightly Included 2) - เพชรมีตำหนิขนาดเล็กมาก แต่อาจมีปริมาณมากกว่า VS1 หรือตำหนิอาจจะปรากฏอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเห็นได้ในเหลี่ยมกลางของเพชร หรือ Table Facet
**เพชรในเกรด VS1-2 จึงถือว่าเป็นเพชรเกรดที่คุ้มค่าสำหรับคนที่ต้องการเพชรที่มองตำหนิด้วยตาเปล่าไม่เห็น เพราะคนทั่วไปแม้จะกล้องกำลังขยาย 10 เท่า ก็ไม่สามาระแยกความแตกต่างจากเพชรเกรด IF VVS ได้แต่ราคาถูกกว่ามากครับ**
SI1 (Slightly Included 1) - เพชรมีตำหนิ หรือมลทินขนาด เล็ก และปรากฏอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเห็นได้ในเหลี่ยม Table Facet และสังเกตุได้ง่ายเมื่อมองภายใต้กล้องกำลังขยาย 10 เท่า แต่ถ้าขนาดใหญ่จะต้องมีปริมานไม่มากและจะต้องไม่ปรากฏเด่นชัดในเหลี่ยม Table Facet อาจจะสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าถ้าสังเกตุดีดี แต่ต้องใช้เวลานาน และหายาก
SI2 (Slightly Included 2) - เพชรมีตำหนิ หรือมลทินขนาด เล็ก และปรากฏอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเห็นได้ในเหลี่ยม Table Facet และสังเกตุได้ง่ายกว่าเพชรเกรด SI1 เมื่อมองภายใต้กล้องกำลังขยาย 10 เท่า แต่ถ้าขนาดใหญ่จะต้องมีปริมานไม่มากและจะต้องไม่ปรากฏเด่นชัดในเหลี่ยม Table Facet บางครั้งอาจเป็นรอยร้าวเล็กๆแต่ก็ไม่ค่อยส่งผลกับความทนทานของเพชรเท่าไหร่ อาจจะสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าถ้าสังเกตุดีดี แต่ต้องใช้เวลานาน และหายาก
**เพชรเกรด SI นั้นจะคุ้มค่าสำหรับคนที่ต้องการเพชรราคาประหยัด ที่ตำหนิสังเกตุด้วยตาเปล่าได้ยากมากๆ เหมาะกับคนที่ต้องการเพชรขนาดใหญ่สีสวยน้ำดีแต่ราคาถูก**
I1-3 (Imperfect 1-3) - เพชรมีตำหนิหรือมลทินขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
I1-3 (Imperfect 1-3) - เพชรมีตำหนิหรือมลทินขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายอยู่ทั่วเพชร เยอะจนทำให้เพชรขุ่น ไม่สวย
I1-3 (Imperfect 1-3) - เพชรมีตำหนิหรือมลทินขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายอยู่ทั่วเพชร เยอะจนทำให้เพชรขุ่น บางครั้งร้าวจนทำให้เพชรแตกได้ง่าย
**เพชรเกรด I ส่วนใหญ่ใช้กับเรือนที่ต้องการเพชรเม็ดเล็กๆหลายๆเม็ดหรือใช้เป็นเพชรที่ไว้ล้อมเพชรเม็ดใหญ่หรือล้อมพลอยแล้วแต่ Design แต่ถ้าจะซื้อเม็ดใหญ่นั้นไม่เหมาะอย่างมาก เพราะเพชรเกรด I จะสังเกตุตำหนิชัดมากบางเม็ดขุ่นจนน่าเกลียดและอาจมีผลต่อความแข็งแรงทนทานของเพชร**
4 Color (สี)
สีของเพชร (Color) โดยทั่วไปเพชรที่ไม่มีสี (Colorless) จะยิ่งราคาแพง เพราะเพชรส่วนใหญ่จะมีสีเหลืองหรือน้ำตาลติดมาทำให้มูลค่าของเพชรตกลง
ดังนั้นสถาบันอัญมณีได้มีการแบ่งระดับความใสของเพชรซึ่งเริ่มจากเกรดที่ใสที่สุดคือ D หรือที่คนไทย เรียกว่า น้ำ 100 ไล่ไปเรื่อยๆ เช่น E (น้ำ 99), F (น้ำ 98), G (น้ำ 97) ไปจนถึง Z แต่ถ้าสีต่ำกว่า Z จะจัดอยู่ในกลุ่ม Fancy Colored Diamond ซึ่งมีราคาสูงมาก ซึ่งวิธีง่ายๆโดยการใช้ตาเปล่ามองสีเพชรคือ
สี D-F เป็นเกรดไร้สี (Colorless) - สามารถตรวจสอบได้โดยจะต้องมองไม่เห็นสีเพชรเมื่อมองทั้งด้านบน (Face up)และด้านล่าง (Dace down) ของเพชร
สี G-J เป็นเกรดเกือบจะไร้สี (Near Colorless) - สามารถตรวจสอบได้โดยจะต้องมองไม่เห็นสีเพชรเมื่อมองทางด้านบน (Face up) แต่อาจเห็นสีเหลืองหรือสีน้ำตาลจางๆด้านล่าง (Face down) ของเพชร
สี K-M เป็นเกรดหลืองหรือน้ำตาลจางๆ (Faint Yellow or Brown range) - จะมองสีเหลืองหรือสีน้ำตาลจางๆเมื่อมองทางด้านบน (Face up) แต่จะเห็นสีเหลืองหรือสีน้ำตาลข้นข้างชัดด้านล่าง (Face down) ของเพชร
สี N-Z เป็นเกรดเหลืองหรือน้ำตาล (Very light yellow or Brown range) - สามารถเห็นสีเหลืองหรือสีน้ำตาลข้นข้างชัดเมื่อมองทั้งด้านบน (Face up)และด้านล่าง (Dace down) ของเพชร
หากมองในแง่ความคุ้มค่า เพชรเกรดเกือบไร้สี น่าจะคุ้มค่าที่สุดครับ เพราะเพชรดูไร้สี เมื่อมองจากด้านหน้าเพชร แทบไม่ต่างจากเพชรเกรดไร้สี (ต้องมองจากด้านข้าง หรือด้านก้นเพชร ถึงจะเห็นติดสีนวลๆเล็กน้อยครับ สำหรับเพชรเกรดเกือบไร้สี)
5 Fluorescence (การเรืองแสงของเพชร)
ปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจาก 4Cs ซึ่งมีผลต่อมูลค่าและราคาของเพชร ที่เราไม่ควรมองข้ามก็คือการเรืองแสง หรือ Fluorescence โดย Fluorescence ของเพชรคือการเรืองแสงของเพชรภายไต้รังสี Ultraviolet (UV) ซึ่งเพชรส่วนใหญ่จะเรืองแสงสีฟ้าซึ่งรังสีชนิดนี้มีอยู่ในแสงแดด
ดังนั้นเพชรที่มี Fluorescence สว่างมากๆจะทำให้มูลค่าของเพชรตกลง เนื่องจากรังสี UV ในแสงแดดถึงจะมีปริมาณน้อยจนไม่สามารถทำให้เชรเรืองแสงออกมาเป็นสีฟ้าได้ แต่จะส่งผลกระทบทำให้เพชรขุ่นไม่ใส ดังนั้นการเลือกซื้อเพชรควรจะเลือกเพชรที่ไม่มี Fluorescence โดยสถาบันอัญมณีส่วนใหญ่จัดระดับการเรืองแสงของเพชรตั้งแต่ None (ไม่มี Fluorescence), Faint (จางๆ), Medium (กลาง), Strong (ชัด), และ Very Strong (ชัดมาก)
แต่ในความเป็นจริง คนที่จะใส่เครืองเพชรตากแดดนั้นมีน้อยมาก และแสงอาทิตย์เป็นแสงสีส้มซึ่งเป็นแสงที่ไม่ทำให้เพชรสวยเท่ากับหลอดไฟที่ใช้ในบ้านและหลอด LED ตามตู้โชเพชรอยู่แล้ว ดังนั้นทำให้ Fluorescence ส่งผลกระทบกับมูลค่าเพชรก็จริง แต่ก็ไม่มากเท่ากับ 4Cs
ตัวอย่างของตัวเรือนที่ใช่ในงาน Jewelry
1) ตัวเรือน ทอง (Gold) สีเหลือง
2) ตัวเรือน แพลตตินั่ม (Platinum) สีขาวบริสุทธิ์ เนื่องจากมีจุดหลอมเหลวสูงและมีความแข็งมาก จึงสามารถขึ้นรูปได้ด้วยวิธีหล่อจากเครื่องหล่อความร้อนสูงที่มากกว่า 3000 องศาวิธีเดียว และไม่สามารถเปลี่ยน Size แหวนได้ เป็นงาน Order อย่างเดียว ส่วนใหญ่นิยมใช้ในงานเครื่องประดับเกรดพรีเมียมครับ
3) ตัวเรือน ทองคำขาว (White gold) เกิดจากการนำเอาทองสีเหลืองผสมกับอัลลอยเพื่อให้เปลี่ยนเป็นสีขาว ซึ่งจะสังเกตุเห็นว่ามีสีเหลืองนวลอยู่นิดหน่อย ต้องชุบเพื่อให้สีขาวบริสุทธิ์ นิยมใช้ในประเทศไทยมากที่สุดสำหรับงานเพชรครับ เพราะสามารถขึ้นรูปได้ง่ายทั้งวิธีหล่อและขึ้นด้วยมือและสามารถทำ Size แหวนได้
ลูกค้าสามารถ Order สินค้าด้วยตัวเรืองทั้ง 3 แบบครับ และตัวเรือนทองยังสามารถผสมอัลลอยเพื่อให้เนื้อทองเปลี่ยนเป็นสีอื่นๆนอกจากสีขาวได้ด้วยเช่น
Pink Gold ทองชมพู
Black Gold ทองสีนิล
Purple Gold ทองสีม่วง
Blue Gold ทองสีฟ้า
เรายินดีบริการให้คำแนะนำการเลือกซื้อเพชรโดยนักวิเคราะห์อัญมณีจากสถาบันอัญมณีศาสตร์ระดับโลกของประเทศอเมริกา หรือ GIA (Gemological Institute of America) และรับออกแบบตัวเรือนโดย Designer จากสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) อีกทั้งเรายังมีแบบตัวเรือนให้เลือกมากมายและเพชรหลากหลายคุณภาพให้เลือกตามงบประมาณของลูกค้ารวมไปถึงเพชร Heard and arrow (H&A) และ 3 EXCELLENT พร้อมใบรับประกันคุณภาพเพชรจากสถาบันอัญมณีระดับโลก GIA, HRD ให้เลือกสรร โดยอิงราคาเพชรจากราคากลางตามตลาดโลก (Rapaport Diamond Price) และลดจากราคากลางเพชรสำหรับลูกค้ามากที่สุดถึง 10% ่
เพชรที่ผ่านการรับรองคุณภาพ ทำให้คุณมั่นใจในคุณภาพเพชรที่ตรงตามความเป็นจริงมากกว่าร้านทั่วไป โดยเพชรทุกเม็ดในร้านผ่านการคัดสรรค์คุณภาพ โดยนักอัญมณีจากสถาบันระดับโลก GIA (สหรัฐอเมริกา) เพื่อคนรักในอัญมณีเพชรประกายเจิดจรัส พร้อมใบรับรองการันตีคุณภาพจากสถาบัน GIA (Certificate of GIA)
เดอร์เลิฟ ไดมอนด์ ได้คัดสรรค์เพชรคุณภาพด้วยราคาย่อมเยาว์ สำหรับเครื่องประดับชุดแต่งงาน และชุดออกงานสังคมที่ช่วยให้คุณเจิดจรัสจากอัญมณีเพชรคุณภาพ เรารับออกแบบเครื่องประดับตามความต้องการของลูกค้า และมีดีไซน์ให้เลือกสรรค์มากกว่า 500 แบบ โดยนักออกแบบจากสถาบันระดับประเทศ GIT
Customer Service
เราให้บริการแก่ลูกค้าของเราตลอดช่วงอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ด้วยความจริงใจ เราขอยืนยันว่าสินค้าทุกชิ้นในร้าน De'Love Diamond เป็นสินค้าใหม่ทุกชิ้น เนื่องจากสินค้าทุกชิ้นเมื่อมีการซื้อคืน จะนำทองไปหลอมเป็นทองแท่งเพื่อขายออก ส่วนเพชรที่ถูกใช้งานมาแล้วจะต้้องถูกนำไป Re-cut หรือเจียรนัยใหม่ โดยไม่มีการนำสินค้าเก่ากลับมาขายใหม่ แน่นอน
มาตรฐานการบริการ (Warranty Service)
Return Service ลูกค้าสามารถนำเครื่องประดับเพชรเปลี่ยนเป็นสินค้าที่มูลค่าสูงขึ้น โดยคิดค่าเสื่อมสภาพ เริ่มต้นที่ 9% ในกรณีที่สินค้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ (ยกเว้นเครื่องประดับมุก และสร้อย Italy นำเข้า)
Refurbish Service เรามีบริการการ ขัดและชุบทำความสะอาด ตัวเรือนใหม่ฟรีตลอดอายุการใช้งาน
Consult Service เรายินดีให้คำปรึกษาการเลือกซื้อเพชรและตรวจสอบชนิดและคุณภาพอัญมณีของ ลูกค้าโดยนักอัญมณีศาสตร์จากสถาบัน GIA และรับออกแบบตัวเรือนโดยนักออกแบบเครื่องประดับจากสถาบันอัญมณี GIT ด้วยความจริงใจ
Maintenance service เรามีบริการซ่อมแซมสินค้าที่ชำรุดเสียหายฟรี 1 ครั้งโดยชิ้นส่วนที่เสียหายนั้น จะต้องไม่ศูนย์หาย
Gift voucher เรามีการสะสมคะแนนให้กับลูกค้าทุกท่านเมื่อมีการสั่งซื้อสินค้า เพื่อแลกของกำนัลสุดพิเศษ ในแต่ละเทศกาล